ล่าสุด

สุภิญญาเชื่อราคากล่องทีวีดิจิตอลลดลงแน่

supinya

สุภิญญาเชื่อราคากล่องทีวีดิจิตอลลดลงแน่ หลังมติบอร์ดกำหนดราคาที่ 690 บาท

แม้ตอนนี้กระบวนการแจกคูปองทีวีดิจิตอลจะยังไม่ได้รับการอนุมัติจาก คสช. ก็ตาม แต่แนวโน้มก็เป็นที่ชัดเจนว่าราคาคูปองที่จะช่วยเหลือชาวบ้านในการเปลี่ยนผ่านจากทีวีอนาลอกเป็นดิจิตอลนั้นจะอยู่ที่ 690 บาท พร้อมๆ กับข่าวที่มีกลุ่มสมาพันธ์สมาคมวิชาชีพวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ ไปยื่นคัดค้านเรื่องมูลค่าคูปอง

ประเด็นเรื่องราคาคูปองที่ 690 บาทนั้น คุณสุภิญญา กลางณรงค์ กรรมการ กสทช. ด้านคุ้มครองผู้บริโภค ให้ความคิดเห็นผ่าน twitter ส่วนตัว โดยเชื่อว่าราคากล่องน่าจะลดลงอย่างแน่นอน เนื่องจากทราบความเคลื่อนไหวในอุตสาหกรรมการผลิตกล่องว่า จะมีกล่องหลายแบรนด์นำเสนอราคากล่องที่ 690 บาทออกสู่ตลาด โดยจะมีสเป็คเหมือนกับกล่องที่ขายราคาเกิน 1,000 บาทในตอนนี้

คุณสุภิญญากล่าวว่า การแข่งขันและความต้องการซื้อเป็นจำนวนมาก จะเป็นตัวผลักดันให้ราคาของถูกลงกว่านี้ โดยยังเป็นกล่องที่มีคุณภาพมาตรฐานตามที่ กสทช. กำหนด ข่าวจากทาง สำนักงานแจ้งว่าแม้ราคาจะออกมาที่ 690 บาทและเป็นที่รับรู้โดยทั่วไปก็ตาม ยังมีผู้ประกอบการขอใบอนุญาตในการขายกล่องทีวีดิจิตอลเข้ามาเรื่อยๆ อันแสดงให้เห็นว่าที่ราคา 690 บาท ยังมีกำไร

ปรากฏการณ์ทำให้เห็นว่าเค้กก้อนโตนี้ยังมีคนต้องการลงมาชิงส่วนแบ่งกันอีกมาก เพราะแม้ราคาคูปองจะกลับมาอยู่ที่ 690 บาท ก็ยังมีคนขอมาแข่งขายเพิ่ม แม้เงื่อนไขการเข้าร่วมโครงการคูปองของ กสทช. จะกำหนดให้บริษัทต้องมีร้านซ่อม เปลี่ยน มีประกัน ถ้าเสียในเวลา (ยังไม่กำหนด) ปี ต้องมีการแลกกล่องใหม่คืนให้ประชาชน

ตอนนี้เริ่มเห็นมีกล่องทีวีดิจิตอลหลายรุ่นที่ผ่านมาตรฐาน กสทช. เริ่มขายลดราคาต่ำกว่าพันบาทกันบ้างแล้วในห้างค้าปลีก และเชื่อว่าเมื่อมีการแจกคูปองไปยัง 10 ล้านครัวเรือนที่สามารถรับชมทีวีดิจิตอลได้แล้ว เชื่อว่าราคากล่องทีวีดิจิตอลในตลาดจะลดลงมากกว่านี้ และผู้ประกอบการต่างๆก็คงจะงัดกลยุทธิ์ต่างๆ มาลดแลกแจกแถมกันให้เห็นแน่นอน

จะเห็นได้ว่าช่วงนี้เห็นแค่ผู้ประกอบการทีวีลุกขึ้นมาค้านราคาคูปอง แต่ยังไม่เห็นบริษัทขายกล่องเจ้าไหนลุกขึ้นมาค้านเลย งาน NET 2014 ที่ผ่านมาได้มีการทดลองระบบแจกคูปองกันในงานเพื่อให้มีการขายกล่องที่ราคา 690 บาท ก็ขายดีเสียจนของไม่พอขาย

และด้วยกล่องแทบทุกยี่ห้อจะมี ชิป และชิ้นส่วนสำคัญที่ Made in China ทั้งนั้น ที่เห็นวางขายกันอยู่ในตลาดมากมายตอนนี้ อาจจะมาจากไม่กี่โรงงานในประเทศจีน จึงคาดว่าต้นทุนพื้นฐานไม่น่าจะต่างกันมาก เข้าใจว่าราคา 690 เขาก็ยังมีกำไร แต่อาจจะได้กำไรน้อยกว่ากรณีที่มีการขายกล่องราคา 1,000 บาท ถ้ามีการปรับราคาเป็น 1,000 บาทจริง ร้านค้าปลีกเหล่านี้คงต้องมีการขอแบ่งเปอร์เซ็นต์กำไรเพิ่ม

ถ้าราคาคูปองสูง % ที่จะต้องจ่ายให้กับกระบวนการขายก็จะมาก หากราคูปองต่ำ % จ่ายก็จะต่ำ คงไม่มีคำว่าขาดทุนเพียงแค่กำไรลดลงแค่นั้นเอง

ตัวเลขจำนวนคูปอง 22.9 ล้านครัวเรือนนั้น ถือเป็นความต้องการตลาดที่สูงมาก คงไม่มีสินค้าอะไรที่ทุกครัวเรือนกำลังจะหาซื้อในช่วงเวลาสั้นๆแค่ 2 – 3 ปี หากบรรดาผู้ประกอบการผลิตกล่องทำให้มีกระบวนการผลิตเกิดขึ้นในประเทศไทยจริงๆ ทั้งหมด ก็อยากจะสนับสนุนให้เพิ่มราคาเพื่อเป็นการกระจายงานและรายได้สู่อุตสาหกรรมในไทย

แต่ความจริงแล้วเงินจำนวนมหาศาลในระดับหมื่นล้านบาทนี้ ส่วนหนึ่งจะกลับไปยังประเทศจีน แรงงานราคาถูกเหล่านั้นก็จะยังได้ค่าแรงเท่าเดิม และส่วนหนึ่งก็จะไปยังระบบร้านค้าแบบ Modern Trade แต่พนักงานห้างเหล่านี้ก็จะยังคงเท่าเดิม ความคิดเห็นส่วนตัวไม่อยากสนับสนุนของราคาถูกที่เอาเปรียบแรงงานมนุษย์

คู่แข่ง Modern Trade แทบไม่มี ไม่ควรโขก % สูงเกินไป

อีกประเด็นหนึ่งคือการขายกล่องนั้น ร้านค้าปลีกจะเข้ามามีบทบาทมาก เพราะการแลกคูปองต้องมีระบบคอมพิวเตอร์ในการตรวสสอบ การจะไปขายกล่องผ่านร้านธรรมดาคงทำได้ยาก แน่นอนว่าร้านค้าปลีกเหล่านี้ต้องการกำไร แต่เนื่องจากโครงการนี้รัฐเข้ามาให้เงินสนับสนุน จึงควรมีส่วนแบ่งของกำไรอยู่ในระดับพอดี คูปองราคาต่ำก็ควรลดกำไรลง ร้านค้าปลีกแบบโมเดิ้นเทรดเหล่านี้คงไม่ต้องกลัวว่าจะกำไรน้อย เพราะคู่แข่งคงไม่มี

สิ้นค้าอื่นๆในห้างหรือร้านสะดวกซื้อ ยังมีร้านค้าแบบโชว์ห่วยเป็นคู่แข่ง แต่กล่องทีวีดิจิตอล รายย่อยคงเข้าร่วมโครงการลำบาก อันเป็นการลดคู่แข่งในการใช้คูปองอยู่แล้ว หากห้างค้าปลีกยังคิด % สูง ก็จะขอแนะนำให้คนขายกล่องร่วมกับหน่วยงานอื่นเช่น ไปรษณีย์ เป็นจุดแลกคูปอง (แต่ต้องมีหน้าร้านและรับซ่อมด้วย) ซึ่งก็ต้องรอกติกาจาก กสทช. คุณสุภิญญากล่าวสรุป

หมายเหตุจากแอดมิน ในอเมริกาจุดแจกคูปอง ที่พิมพ์มาในเอกสารคูปองนั้น จะเป็นห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ และร้านสะดวกซื้อที่เขามีระบบคอมพิวเตอร์ออนไลน์แทบทั้งนั้น อ่านได้จาก การแจกคูปองในอเมริกา

Advertisment

Leave a comment