ล่าสุด

ชื้อกล่องทีวีดิจิตอลยี่ห้อไหนดี

จะซื้อกล่องทีวีดิจิตอลยี่ห้อไหนดี

จะซื้อกล่องทีวีดิจิตอลยี่ห้อไหนดี

ซื้อกล่องทีวีดิจิตอลยี่ห้อไหนดี

จะซื้อกล่องทีวีดิจิตอล set top box ยี่ห้อไหนดีน่าจะเป็นคำถามยอดฮิตสำหรับยุคเริ่มต้นของทีวีดิจิตอล และน่าจะฮิตใกล้เคียงกับคำถามว่าซื้อทีวียี่ห้อไหนดีนั่นแหละครับ เพราะเวลาตัดสินใจซื้อก็ตัดสินใจไม่ถูก กลัวว่าซื้อมาแล้วกล่องจะพังไว เสียเร็ว หรือที่แย่ที่สุดเวลาใครมาเห็นเข้าก็ถามว่าซื้อกล่องยี่ห้อนี้มาทำไม ต่อให้กล่องนั้นเราชอบแค่ไหน แต่ถ้าคนในบ้านไม่ชอบ บ่นว่ากดยาก ภาพล้มบ่อย กล่องทีวีดิจิตอลยี่ห้อนั้นที่บ้านโน้นดีกว่า อะไรทำนองนี้ย่อมทำให้รู้สึกไม่ดีไปตลอดใช่ไหมครับ

ดังนั้นการตัดสินใจซื้อกล่องทีวีดิจิตอลเข้าบ้านทั้งซื้อเองหรือใช้คูปองที่เขาแจกมาแลกจึงต้องพิจารณาในหลายๆด้าน โดยทาง ThaidigitalTelevision ก็จะพยายามรวบรวมข้อมูลในการตัดสินใจซื้อกล่องทีวีดิจิตอล set top box เอาไว้เป็นความรู้ในการเลือกซื้อกล่องทีวีดิจิตอลที่เหมาะสมที่สุดแหละครับ

1. ตรวจสอบทีวีของท่านก่อน

ก่อนที่จะออกไปซื้อกล่อง set top box อย่าลืมตรวจสอบทีวีเครื่องที่มีอยู่ก่อนนะครับว่าเป็นลักษณะใด หากเป็นทีวีจอแก้วก็ต้องดูว่าทีวีของท่านมีช่องเสียบสัญญาณแบบ AV หรือไม่ ดังภาพข้างล่าง โดยข้อสังเกตุคือจะมีช่องรับเสียงซ้ายขวา (L-R) โดยจะมีสีขาวและแดงตามลำดับ ส่วนช่องต่อสัญญาณภาพจะเป็นสีเหลือง

rca-tv-connector

ถ้าทีวีรุ่นเก่ามากๆ ไม่มีช่องรับสัญญาณดังกล่าว อาจจะทำให้ไม่สามารถรับชมทีวีดิจิตอลได้ทันที จะต้องมีการไปซื้อเครื่องแปลงสัญญาณจาก AV -> RF อีกที

ถ้าอย่างน้อยทีวีเครื่องเดิมมีช่องรับสัญญาณเข้าแบบ AV อยู่แล้วก็หาซื้อกล่องได้ทุกยี่ห้อ แต่หากทีวีของท่านเป็นแบบสมัยใหม่ขึ้นมาหน่อยและสามารถรับชมทีวีความคมชัดสูงได้ ก็ต้องสังเกตดูว่ามีช่องรับสัญญาณเป็นแบบ Component หรือ HDMI หรือไม่

ในประเด็นการรับสัญญาณแบบ HDMI คงไม่มีปัญหาอะไร หากทีวีของท่านมีช่องรับสัญญาณ HDMI ก็สามารถหาซื้อได้ทุกกล่อง เพราะกล่อง set top box ทุกยี่ห้อจะมีสัญญาณออกเป็น HDMI อยู่แล้ว

แต่ปัญหาคงเป็นกรณีที่ทีวีกลางเก่ากลางใหม่บางรุ่นที่มีเฉพาะช่องเสียบสัญญาณแบบ Component หรือที่บ้านมีช่อง HDMI ไม่พอเหลือแต่ช่อง Component กรณีนี้ท่านจะเลือกซื้อหากล่องได้บางยี่ห้อเท่านั้นซึ่งจะมีช่องสัญญาณขาออกเป็น Component เช่นกล่อง Sonar, Cleo และ Aconatic เป็นต้น

componant-tv-connector

สังเกตุว่าทีวีของท่านมีช่องต่อสัญญาณสำหรับการดูทีวีความคมชัดสองผ่าน component ได้หรือไม่ก็หาดูว่ามีช่องเสียบสายสัญญาณสีเขียว น้ำเงิน ส้ม ดังภาพข้างบนหรือไม่

สรุปประเด็นนี้หากท่านเป็นทีวีรุ่นเก่ามีช่องเสียบ AV อย่างเดียว ก็ซื้อได้ทุกกล่อง ถ้าเป็นทีวี LED หรือ LCD รุ่นใหม่ๆ ก็จะมีช่องเสียบ HDMI ก็ซื้อได้ทุกกล่องทุกยี่ห้อเช่นกัน แต่หากต้องการดูความคมชัดสูงแต่มีเฉพาะช่องเสียบสายสัญญาณแบบ Component เท่านั้นที่เหลืออยู่ก็จะสามารถซื้อ set top box ได้บางยี่ห้อเท่านั้น

2.ตรวจสอบสภาพสายอากาศที่บ้านของท่าน

ประเด็นนี้จะมีส่วนช่วยในการตัดสินใจสำหรับกล่องบางยี่ห้อ หากที่บ้านของท่านมีเสาก้างปลาสูงเลยหลังคาบ้านอยู่แล้วก็ซื้อเฉพาะกล่องทีวีดิจิตอลอย่างเดียวพอ แต่หากที่บ้านปัจจุบันใช้หนวดกุ้งแล้วดูทีวีไม่ค่อยชัด อาจจะต้องหาซื้อสายอากาศเพิ่มเติม โดยหากอยู่ห่างจากสถานีส่งไม่เกิน 30 กิโลเมตร ก็อาจจะหาซื้อสายอากาศแบบ Active มาใช้งาน โดยราคาแยกจากกล่องจะอยู่ที่ประมาณ 300 บาทขึ้นไป

บางกล่อง set top box จะมีสายอากาศแบบ Active มาให้ด้วยราคาก็จะเป็น Premium set ซึ่งรวมราคาสายอากาศอยู่แล้ว ความจริงก็ไม่ต่างกันมากนักสำหรับการซื้อเสาอากาศแยกหรือรวมในกล่อง แต่บางคนต้องการความสะดวกอาจจะซื้อแบบรวมทั้งสองอย่างมาเลย ก็จะมีอยู่บางยี่ห้อเท่านั้นในปัจจุบันที่ขายกล่อง set top box รวมสายอากาศ สังเกตราคาในปัจจุบัน (กรกฏา 57) จะอยู่ที่ประมาณ 1,400 – 1,500 บาท

หากที่พักของท่านเป็นอพาร์ทเม้นหรือคอนโด การดูทีวีดิจิตอลในอพาร์ทเม้นหรือคอนโด ก็อาจจะลองปรึกษาเจ้าของหรือนิติดูว่าจะบริหารจัดการระบบ MATV ให้รองรับการรับชมทีวีดิจิตอลได้อย่างไร บางทีท่านอาจจะเสียบเข้ากับสายอากาศตรงฝาผนังเลยก็ได้ แล้วแต่ว่าสถานที่นั้นๆ มีความพร้อมแค่ไหน

3. ตรวจสอบชื่อเสียงของบริษัทที่เป็นเจ้าของยี่ห้อกล่องทีวีดิจิตอล

กล่อง set top box ที่เราซื้อมานั้นจะต้องอยู่คู่กับเครื่องรับทีวีเครื่องเดิมของเราจนกว่าทีวีจะพัง ดังนั้นการซื้อกล่องทีวีดิจิตอลมาใช้งาน กล่องก็ควรจะมีอายุยืนยาวกว่าอายุที่เหลือของเครื่องรับโทรทัศน์ที่จะนำมาใช้งาน

ตามกฏของ กสทช แล้วต้องมีการรับประกันกล่องเป็นเวลา 3 ปี ดังนั้นหากท่านซื้อกล่องมาแล้วต้องมั่นใจได้ว่าหากกล่องเสียเนื่องจากการใช้งาน ท่านสามารถที่จะติดต่อแจ้งซ่อมกล่องที่มีปัญหากับทางบริษัทได้

บริษัทผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าโดยเฉพาะหมวดความบันเทิงในบ้านแล้ว นอกจากจะขายเครื่องรับโทรทัศน์แล้วก็จะขายกล่อง set top box ด้วย บริษัทเหล่านี้จะมีความน่าเชื่อถือมากกว่าในการให้บริการหลังการขาย เพราะเขามีสินค้าหลายชิ้นที่อยู่ในระบบการจัดจำหน่ายและบริการ เพราะหากบริษัทขายกล่อง set top box อย่างเดียว หากตลาดซาๆ ลงเขาก็คงหันไปทำอย่างอื่นหรือปิดตัวลง

ดังนั้นหลายๆคนเลยอาจจะตัดสินใจซื้อกล่องที่มียี่ห้อที่เป็นที่รู้จัก เพื่อความสบายในในการบริการหลังการขาย ว่าหากมีอาการเสีย แล้วต้องซ่อม จะได้รับการบริการที่ดี บริษัทต้องรักษาชื่อเสียง แต่พีงระวังว่าบางบริษัทอาจจะชื่อเสียงไม่ค่อยดีในการบริการหลังการขาย อันนี้ก็ต้องศึกษาข้อมูลให้ดี อาจจะพิมพ์คำค้นใน google เช่น ” [ยี่ห้อ] เสียแล้วซ่อมยาก” ” [ยี่ห้อ] ศูนย์บริการไม่ดี” ท่านอาจจะพบคำตอบอะไรดีๆ จากคนที่เขียนบ่นบริการเหล่านี้ตามเว็บไซท์สาธารณะทั่วไป ลองไล่อ่านดูก่อนตัดสินใจซื้อ

mybox-box-front

4. ดูรูปร่างหน้าตากล่องและฟังก์ชั่นการใช้งาน

หลังจากได้ตัวเลือกที่แคบลงมาจาก 3 ช้อข้างต้น (หรืออาจจะยังเลือกไม่ได้เพราะทุกยี่ห้อก็ยังเข้าข่าย) สิ่งที่จะต้องพิจารณาต่อไปก็คือ ท่านชอบหน้าตากล่อง set top box นั้นๆหรือไม่ วิธีการคือเอากระดาษมาหนึ่งแผ่น จดรายชื่อยี่ห้อที่ท่านชอบในใจเอาไว้ แล้วเริ่มหาข้อมูลว่าแต่ละกล่องที่ว่านั้นมีอะไรตามที่ท่านต้องการบ้าง และระบุจุดเด่นจุดด้อยของแต่ละกล่องไว้

บางท่านอาจจะทำเป็นตารางคุณสมบัติตามยี่ห้อ โดยประเด็นที่จะต้องพิจารณาตามความชอบของท่าน โดยแต่ละยี่ห้อก็ระบุว่าเป็นแบบไหน แล้วท่านชอบแบบไหน

– ช่องสัญญาณ Component ท่านต้องการหรือไม่ กล่องทีวีดิจิตอลนั้นๆมีหรือไม่
– ลักษณะกล่อง แบบมนๆ หรือเหลี่ยมๆ
– ขนาดกล่อง เล็ก กลาง ใหญ่
– ปุ่มแสตนด์บาย ปุ่มกดเปลี่ยนช่อง ปรับระดับเสียง มีหรือไม่ กรณีนี้เหมาะสำหรับเวลาหา remote ไม่เจอ
– ปุ่มกดเปลี่ยนช่องหากมี อยู่ด้านบนหรืออยู่ด้านหน้ากล่อง
– ไฟหน้าจอมีการแสดงผลช่องทีวีที่ดูอยู่หรือไม่ เพราะบางกล่องจะไม่มีไฟแสดงผล
– สีไฟแสดงตัวเลขช่อง สีอะไร แดง เขียว ส้ม น้ำเงิน
– ปลั้กไฟแบบต่อตรงเข้ากล่อง หรือแบบมีอแดปเตอร์
– สวิสท์ปิดเปิดด้านหลังกล่องมีหรือไม่
– ตัวกล่องเป็นโลหะ หรือพลาสติค
– หน้าตากล่อง set top box ดูดี มีชาติตระกูล ตรงเสป็คของท่านหรือไม่

ข้อมูลเหล่านี้ท่านอาจจะไม่สามารถไปขอแกะดูกล่องได้ทุกยี่ห้อ แต่ท่านก็สามารถหารีวิวการใช้งานกล่องได้จากเว็บไซท์ต่างๆ รวมถึงที่นี่ด้วยในกระทู้ รีวิวกล่องทีวีดิจิตอลที่มีวางจำหน่าย

5. สถานที่ซื้อกล่องทีวีดิจิตอล

สุดท้ายเมื่อได้ข้อสรุปแล้ว จะเกิดคำถามว่าแล้วจะซื้อกล่องทีวีดิจิตอลดังกล่าวที่ไหนดี เพราะบางยี่ห้ออาจจะไม่พบเห็นวางจำหน่ายโดยทั่วไป

ปกติแล้วห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ก็จะมีการจำหน่ายกล่องทีวีดิจิตอลมากมายหลายยี่ห้อด้วยกัน ทั้งนี้เป็นที่ทราบกันดีว่าการที่กล่องทีวีดิจิตอลยี่ห้อใดยี่ห้อหนึ่งจะไปวางขายตามในห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ได้นั้น ต้องมีสายป่านยาว ทุนหนา กล่องเจ้าเล็กๆจึงอาจจะไม่สามารถพบเห็นได้ตามห้างค้าปลีกเหล่านี้

ช่องทางการจำหน่ายอื่นๆ ที่ควรจะโทรไปสอบถามก็คงจะเป็นเครือข่ายร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีการจำหน่ายสินค้าเพื่อความบันเทิงภายในบ้านเช่นทีวี เครื่องเสียงเป็นต้น อย่างร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าใกล้บ้าน ร้านอมร หรือรวมไปถึงร้านจำหน่ายจานดาวเทียม ไม่เว้นแม้แต่ร้านสะดวกซื้ออย่าง 7-11 เป็นต้น

หากช่องทางการจำหน่ายที่กล่าวมาแล้วท่านยังหากล่องที่ต้องการซื้อไม่ได้ ก็สามารถสั่งซื้อได้ทางอินเทอร์เน็ต โดยการค้นหาด้วยคำค้นของยี่ห้อกล่องเหล่านั้น บริษัทมักจะเปิด facebook เพื่อทำการจัดจำหน่ายโดยตรงถึงมือผู้บริโภคผ่านทางไปรษณีย์ ก็นับเป็นวิธีการที่สะดวกอีกช่องทางหนึ่ง

สรุปประเด็นการเลือกซื้อกล่องทีวีดิจิตอลยี่ห้อไหนดี

กล่องทีวีดิจิตอลทุกกล่อง สามารถรับชมทีวีดิจิตอลได้สูงสุด 48 ช่องในอนาคต ทั้งระบบความคมชัดธรรมดา (SD) และความคมชัดสูง (HD) ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นยี่ห้อไหนก็ไม่มีใครด้อยกว่าใคร สิ่งสำคัญแค่อย่าลืมว่ากล่องเหล่านั้นผ่านการรับรองจาก กสทช แล้วหรือยังแค่นั้นเอง โดยสังเกตจากสติกเกอร์น้องดูดี หรือตรวจสอบกับเว็บไซท์ของ กสทช โดยตรง

ในประเด็นราคาของกล่องทีวีดิจิตอลในท้องตลาดแล้ว ราคาจะต่างกันไม่มากอยู่ในระดับประมาณ 1,000 บาท กล่องที่ราคาแพงกระโดดไป มักจะมีเสาอากาศแบบ Active แถมมาให้ บางกล่องก็จะมีลูกเล่นเพิ่มมากกว่าอีกกล่อง อย่างจำนวนปุ่มกดบนตัวเครื่อง สวิทส์ปิดเปิดด้านหลังเป็นต้น ดังนั้นอย่าซื้อกล่อง set top box เพราะประเด็นเรื่องราคาเท่านั้น ให้มองถึงความจำเป็นในการใช้งาน และลูกเล่นของตัวกล่องที่ท่านชอบเป็นหลัก จะทำให้ท่านสามารถอธิบายคนที่บ้านและคนที่มาเยือนได้ว่าที่ท่านซื้อกล่องทีวีดิจิตอลยี่ห้อนี้เพราะเหตุผลอะไร

ขอให้ตัดสินใจได้อย่างมั่นใจและกล่อง set top box ที่ท่านซื้อมาอยู่กับท่านได้นานๆนะครับ

Advertisment

Leave a comment