ล่าสุด

รีวิวกล่องทีวีดิจิตอล Family DR-111 Set Top Box

รีวิวกล่องทีวีดิจิตอล Family DR-111 Set Top Box

สวัสดีกันอีกครั้งนำครับสำหรับการรีวิวกล่องรับสัญญาณทีวีดิจิตอล ตอนนี้ก็ใกล้เวลาที่จะมีการออกอากาศทีวีดิจิตอลอย่างเป็นทางการกันแล้ว หลายค่ายก็เริ่มเปิดตัวกล่องรับสัญญาณทีวีดิจิตอลสำหรับโทรทัศน์รุ่นเก่าที่ไม่มี DVB-T2 จูนเนอร์ในตัว รวมถึงค่าย Family ด้วย

ชื่อนี้เชื่อว่าหลายคนคงจะคุ้นเคยกันดี ไม่ว่าจะเป็นทีวีรุ่นจิ๋วในอดีตที่โด่งดังที่สุดก็ว่าได้ หรือไม่ก็เครื่องเล่นเกมส์ยุคก่อนที่บรรดา XBOX หรือเกมส์ online อย่าง Raknarok จะมาตีตลาด ก็นับว่าเป็นเรื่องที่ทาง Family คงไม่ต้องใช้ความพยายามมาก ในการที่จะสร้างแบรนด์กล่อง set top box เหมือนค่ายอื่น เพราะถือว่าอยู่ในวงการ อุปกรณ์ในด้าน Entertainment อยู่แล้ว

Family-DR-111-1

หากไปหาซื้อกล่องรับสัญญาณทีวีดิจิตอล (set top box) ของ Family รุ่น DR-111 มาแล้ว จะได้กล่องบรรจุผลิตภัณฑ์หน้าตัดสี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาดกว้างประมาณหนึ่งคืบคูณหนึ่งคืบ กล่องจะสูงประมาณ 5 เซ็นติเมตร โดยสีพื้นของกล่องบรรจุภัณฑ์จะออกโทนสีน้ำเงินสามด้าน อีกสามด้านจะเป็นพื้นสีขาว ด้านบนกล่อง (บางคนอาจจะเรียกว่าด้านหน้ากล่อง) จะแสดงรูปชองกล่อง set top box โดยส่วนบนสุดจะมีโลโกของ Family เห็นชัดเจน ตามมาด้วยสัญญลักษณ์น้องดูดี และโลโก้คำว่า DVB-T2 Terrestrial

ส่วนครึ่งล่างจะมีโลโก้ต่างๆเช่น 1080 ซึ่งน่าจะหมายถึงการแสดงผลแบบ HD สัญญลักษณ์ REC, HDMI, USB 2.0, MKV, MPEG-4, Divx และ MP3 ส่วนข้อความบรรยายสรรพคุณสินค้าด้านหน้ากล่องก็จะระบุว่าเป็น เครื่องรับสัญญาณทีวีดิจิตอล และรายละเอียดตามลำดับคือ

– สอดคล้องกับมาตราฐาน DVB-T2 และ H.264, MPEG-4 มาตรฐาน MPEG-2
-สามารถรับฟังวิทยุได้
-OSD ภาษา : อังกฤษ , ไทย ฯลฯ
-ฟังก์ชั่น PVR สนับสนุนการทำงานมัลติมีเดีย (MP3, MP4, DIVX, AVI)
-รองรับ USB 2.0 , HDMI , CVBS(RCA), SPDIF

แปลกอยู่อย่างเดียวที่ด้านหน้ากล่องไม่ได้ระบุชื่อรุ่นเอาไว้ หากจะหาชื่อรุ่นต้องพลิกไปดูใต้กล่องหรือไม่ก็ด้านข้างทั้งสี่ด้าน

Family-DR-111-Box-Back

พลิกกลับมาด้านล่างของกล่อง จะเห็นโลโก Family ชัดเจนพร้อมโลโก้ DVB-T2 Terrestrial และโลโก้ มอก ซึ่งระบุ มอก หมายเลข 1195 2536 ของบริษัท แฟมิลี่ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ข้อความภาษษไทยโดดเด่นระบุว่าเป็น เครื่องรับสัญญาณทีวีดิจิตอล ตามมาด้วยชื่อรุ่นคือ DR-111

ส่วนต่อมาเป็นการระบุคุณสมบัติของเครื่อง (Features) ซึ่งปรากฏข้อมูลหลายบรรทัดคือ
– สอดคล้องกับมาตราฐาน DVB-T2 และ H.264, MPEG-4 มาตรฐาน MPEG-2 และสามารถรับฟังสถานีวิทยุได้
– OSD ภาษา : อังกฤษ , ไทย ฯลฯ
– ฟังก์ชั่น PVR สนับสนุนการทำงานมัลติมีเดีย (MP3, MP4, DIVX, AVI ฯลฯ)
– รองรับการแสดงภาพแบบ 4:3, 16:9
– รองรับ USB 2.0 , HDMI , CVBS(RCA), SPDIF
– อัพเกรดซอฟแวร์ผ่าน USB
– รองรับความละเอียดภาพ 720p, 1080i, 1080p (Full HD)
– รองรับระบบเสียง ดิจิตอล, MPEG-1, MPEG-2 (Layer I/II), MP3, AAC-LC 5.1 channel, HE-AAC v1/v2 2.0
– รองรับการบันทึกไฟล์แบบ FAT/ FAT-32
– รองรับระบบข้อมูลแนะนำผังรายการ Electronic Programme Guide (EPG)
– บันทึกรายการ และเล่นผ่าน USB ภายนอกได้
– รองรับ PAL/NTSC
– ตั้งเวลาในการบันทึกช่องรายการได้จากข้อมูลผังรายการ (EPG) หรือโดยกำหนดวัน เวลา ล่วงหน้าได้

ส่วนด้านขวามือของหลังกลังจะระบุว่ามีอุปกรณ์อะไรมาบ้าง (INCLUDED THIS BOX) ซึ่งก็มี
– DVB-T2 เครื่องรับสัญญาณโทรทัศน์
– Remote
– สาย AV
– สาย HDMI
– คู่มือไทย อังกฤษ
– บัตรรับประกัน

เปิดกล่องบรรจุภัณฑ์ออกมาจะพบอุปกรณ์ต่างๆ ดังภาพ

Set-top-box-Family-DR-111-All-items

โดยจะพบตัวกล่อง set top box ขนาดกระทัดรัดยาวประมาณ 17 ซม กว้างประมาณ 10 ซม และสูงประมาณ 4 ซม โดยบนกล่องจะมีสติกเกอร์ของ กสทช หมายเลข NBTC ID 120036-13-0029 Family DR111 ที่เหลือก็จะเป็น
– Remote (พร้อมถ่าน AAA จำนวน 2 ก้อน)
– สาย AV แบบสามเส้น
– สาย HDMI (แอดมินลืมเอามาจัดวางตอนถ่ายรูป ขออภัยด้วย)
– คู่มือภาษาไทย และอังกฤษ
– บัตรรับประกัน

หากดูเฉพาะตัวกล่อง set top box ด้านหน้ากล่องจะลักษณดังรูป

Set-top-box-Family-DR-111-Front

โดยด้านซ้ายสุดจะเป็นโลโก้ Family พร้อมชื่อรุ่น ถัดมาเป็นช่องสำหรับเสียบ USB ตามมาด้ายช่องแสดงผลแบบ LED จำนวน 4 หลัก และตามมาด้วยปุ่มกดสามปุ่มคือ ปุ่มเลื่อนช่องลง เลื่อนช่องขึ้น และปุ่มปิดเปิดเครื่อง

Set-top-box-Family-DR-111-Back

ส่วนด้านหลังกล่องเริ่มจากทางซ้ายมือจะมีช่อง RF IN หรือช่องไว้เสียบเสาอากาศ ตามมาด้ายช่อง RF OUT ถัดมาเป็นช่อง COAX ซึ่งระบุไว้ในคู่มือว่าเป็นช่องสำหรับต่อสัญญาณเสียงแบบดิจิตอลออก ถัดมาเป็นช่อง HDMI สำหรับไว้ต่อกับเครื่องรับโทรทัศน์รุ่นใหม่ๆ และสุดท้ายจะเป็นกลุ่มของช่องสำหรับเสียบสาย AV สำหรับทีวีรุ่นเก่า

อุปกรณ์ชิ้นต่อมาคือ Remote Control

Set-top-box-Family-DR-111-Remote

ซึ่งก็มีลัษณะคล้ายๆกับ รีโมทของกล่องดาวเทียมทั่วๆไป แต่เป็นแบบสั้น จัดวางปุ่มเลื่อนช่องและปรับระดับเสียงไว้ประมาณตรงกลางๆ

หลังจากเสียบเสาอากาศเข้ากับข่อง RF IN และเสียบสายสัญญาณ HDMI จากเครื่องเข้ากับทีวี LCD จอแบนแล้วเปิดเครื่อง ก็ปรากฏคำว่า reboot บนหน้าจอ LED ของเครื่อง ส่วนบนจอทีวีก็จะโผล่โลโก้ของ Family ดังภาพ

Set-top-box-Family-DR-111-turn-on

หลังจากค้นหาสัญญาณจนเจอและลองกดปุ่มเมนูดู ก็จะปรากฏเมนูต่างๆ ซึ่งเหมือนกับกล่องทั่วๆไป คาดว่าน่าจะเป็น firmware ตัวเดียวกันดังภาพ

Set-top-box-Family-DR-111-menu

ด้วยความที่จอภาพเดิมใหญ่อยู่แล้ว เมนูต่างๆ จึงดูชัดสบายตา ไม่มีลูกเล่นอะไรมากมาย อ่านแล้วก็เข้าใจได้ว่าต้องการทำอะไร หากต้องการตั้งเวลากล่องก็สามารถทำได้โดยง่าย เพื่อว่าเวลาปิดเครื่อง จอ LED จะแสดงเวลาให้เราดู

สำหรับช่องต่างๆที่ให้บริการ ก็เป็นช่วงทดลองซึ่งก็มีช่องมาตรฐานปกติ 3 5 7 9 ThaiPBS คุณภาพของภาพก็เป็นไปตามมาตรฐาน

Set-top-box-Family-DR-111-mux

ฺค่า Bitrate ของช่อง HD ก็อยู่ที่ประมาณ 4 Mbps ตามมาตรฐานไม่ต่างจากกล่องยี่ห้ออื่นๆเท่าใด ดังภาพตัวอย่างข้างล่าง
Set-top-box-Family-DR-111-HD

สำหรับภาพการแสดงผลช่อง SD ก็ตามตัวอย่างด้านล่างนะครับ

Set-top-box-Family-DR-111-SD

ภาพที่แสดงอาจจะไม่ชัดนักนะครับ เพราะถ่ายจากหน้าจอด้วยกล้องดิจิตอลโดยตรง แต่ตามหลักการแล้ว ไม่ว่าท่านจะซื้อกล่องยี่ห้ออะไรก็ตาม มาตรฐานความละเอียดของภาพก็ต้องเป็นไปตามที่ กสทช กำหนด ไม่มีอะไรแตกต่างกันมาก ซึ่งต่างจากกรณีของกล่องดาวเทียมที่อาจจะต้องมีการบีบอัดข้อมูลแล้วทำให้ความละเอียดของภาพลดลงเพื่อให้ได้จำนวนช่องเพิ่มมากขึ้น แต่กล่องทีวีดิจิตอล จำนวนช่องก็กำหนดตายตัว ระบบเครือข่ายออกอากาศก็เหมือนๆกัน จึงไม่มีอะไรที่ถือเป็นนัยยะสำคัญในแง่ของคุณภาพของภาพ

สิ่งที่เราสนใจในแต่ละกล่องก็เป็นเรื่องของการเปลี่ยนช่องแล้วตอบสนองได้รวดเร็วแค่ไหน ความทนทานของกล่องว่าจะอยู่ได้นานกว่าเครื่องรับโทรทัศน์ที่ใช้คู่กันหรือเปล่า ฟังก์ชั่นหรือลูกเล่นการทำงานต่างๆ ว่ามีอะไรบ้าง

สำหรับ กล่อง set top box ของ Family DR-111 โดยรวมแล้วถือว่ามีขนาดเล็กกระทัดรัดฟังก์ชั่นการใช้งานที่ครบครัน โดยสรุป

จุดเด่น

– กล่องขนาดกระทัดรัด ไม่กินพื้นที่มากนัก พกพาสะดวก บางครั้งหาที่วางไม่ได้หากวางบนทีวีก็ไม่กลัวว่าจะหนักเกินไป
– มีไฟแสดงสถานะช่องหน้ากล่องและแสดงเวลาเมื่อปิดเครื่อง
– มีปุ่มปิดเปิดหน้าเครื่อง เหมาะสำหรับคนที่ยังห่วงว่าไม่ได้ปิดเครื่อง กลัวฝนฟ้าจะทำให้เครื่องพัง เหมาะสำหรับบ้านผู้สูงวัยที่อาจจะบอกให้ลูกหลานปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าเวลาฝนตก (จะได้บอกว่าปิดแล้วยาย)
– มีปุ่มเปลี่ยนช่องขึ้นลง เหมาะมากเวลาต้องการเปลี่ยนช่องเร่งด่วนแต่หารีโมทไม่เจอ
– กล่องเหล็กซึ่งมีการระบายความร้อนผ่านทางตัวกล่อง ซึ่งสำหรับสภาพอากาศร้อนบ้านเราแล้ว น่าจะมีอายุการใช้งานที่นานขึ้น การใช้งานตามบ้านช่องในต่างจังหวัดที่ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้อยู่ในห้องแอร์ ควรจะมองถึงคุณสมบัติด้านนี้เป็นหลัก
– มีช่องเสียบ USB ด้านหน้า ถอดเข้าออกสะดวก
– มีฟังก์ชั่นเล่นไฟล์มัลติมีเดียต่างๆ ผ่านช่อง USB ได้
– สามารถบันทึกรายการลง USB ได้
– สาย HDMI ที่ให้มา ยาวประมาณ 2 เมตร ก็นับว่าเหลือเฟือสำหรับการใช้งานปกติ

จุดด้อย

– ไม่มีช่อง Component เหมือนของ Aconatic สำหรับคนที่มีทีวีไม่รองรับ HDMI แต่ต้องการความคมชัดมากกว่าสัญญาณ AV
– ปุ่มกดเปลี่ยนช่องบนตัวเครื่อง กดยากไปนิด ต้องจิ้มนิ้วให้ลึกลงไปและต้องใช้นิ้วอื่นพยุงเครื่องไว้ไม่ให้ไหลไปด้านหลัง สาวๆ เล็บยาวอาจจะบ่น แต่ผมคิดว่าดีกว่าไม่มีปุ่มนี้นะครับเวลาหารีโมทไม่เจอก็ยังใช้การได้ดีอยู่

สำหรับราคาวางจำหน่าย ณ เดือนมีนาคม 2557 ราคาเฉพาะตัวกล่องจะอยู่ที่ 1,290 บาท ซึ่งก็นับว่าถูกกว่าของอโคเนติกพอประมาณ และแพงกว่าของสามารถเล็กน้อย ส่วนราคาสายอากาศอย่างเดียว 300 บาท หากซื้อรวมทั้งสองอย่างราคาก็จะอยู่ที่ 1,590 ล่าสุด (มิถุนายน 2557) มีโฆษณาทางทีวี ระบุมีวางขายที่ 7-eleven แล้วนะครับ

ท่านที่สนใจข้อมูลเพิ่มเติมก็ไปยังเว็บของ family ได้ที่ family.co.th

Advertisment

Leave a comment