ล่าสุด

ช่อง 3 ฟ้องกรรมการ กสท. ข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่

ch3-logo

ช่อง 3 ฟ้องกรรมการ กสท. ข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่

ช่อง 3 ต้อนรับการประชุมพิจารณาวาระสำคัญของ กสท. เข้านี้ด้วยการที่ทีมทนายของ บริษัท บางกอนเอนเตอร์เทนเม้นต์ เข้ายื่นหนังสือถึง กสท. แจ้งการยื่นฟ้องคดี กรรมการ กสท. สามคน ประกอบด้วย

1. คุณสุภิญญา กลางณรงค์ ซึ่งโดนฟ้องข้อหา
– ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
– หมิ่นประมาท
– กระทำผิด พรบ. คอมพิวเตอร์

2. นายธวัชชัย จิตรภาษ์นันท์ ข้อหา
– ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ

3 พล.ท.พีระพงษ์ มานะกิจ ข้อหา
– ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ

โดยนายสมบัติ ลีลาพตะ รองเลขาฯ กสทช. เป็นผู้รับหนังสือ และกล่าวว่าจะนำเรื่องนี้เข้าสู่การประชุมบอร์ด กสท. ในเช้าวันนี้ เพื่อประกอบการพิจารณากรณีของช่อง 3 อนาล็อค ด้านทีมทนายยืนยัน การฟ้องร้องไม่ได้มีมูลเหตุจากความขัดแย้งระหว่าง กสท.และช่อง 3 แต่เป็นการยื่นฟ้องเพื่อรักษาสิทธิ์ตามกฎหมายเท่านั้น

สำหรับวันนี้ บอร์ด กสท. จะได้มีการประชุมเพื่อหาข้อสรุป ในประเด็นคำสั่งทางปกครองกับบรรดาผู้ประกอบการกล่องดาวเทียมต่างๆ ที่ยังนำช่อง 3 อนาลอก ไปออกอากาศ ว่าจะออกมาในแนวทางไหน ซึ่งก็คงต้องติดตามกันต่อไป

ในส่วนของรายละเอียดคำฟ้องของช่อง 3 ต่อ กรรมการทั้ง 3 ท่านมีดังนี้
(จากเว็บไซท์ Manager.co.th http://manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9570000102889)

ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันนี้ (8 ก.ย.) บริษัท บางกอก เอ็นเตอร์เทนเม้นต์ จำกัด ผู้ดำเนินกิจการสถานีโทรทัศน์ ไทยทีวีสีช่อง 3 มอบอำนาจให้ นายสุรัตน์ชัย มั่นศรีถาวร ทนายความ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง น.ส.สุภิญญา กลางณรงค์ พล.ท.พีระพงษ์ มานะกิจ และ นายธวัชชัย จิตรภาษ์นันท์ กรรมการ กสทช. เป็นจำเลยฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ศาลรับฟ้องไว้ตรวจฟ้องเป็นคดีดำที่ อ.2888/2557

คำฟ้องสรุปว่า โจทก์ดำเนินกิจการโทรทัศน์สีช่อง 3 จำเลยเป็นกรรมการ กสทช. และ กสท. เมื่อวันที่ 5 ก.ย. 2557 จำเลยทั้งสาม ได้จัดให้มีการประชุม กสท. นัดพิเศษ ที่สำนักงาน กสทช. โดยทราบดีว่าเป็นการประชุมที่ฝ่าฝืนระเบียบคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ว่าด้วยข้อบังคับการประชุมคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ พ.ศ. 2548 และระเบียบอื่นๆ โดยมุ่งหมายเพื่อออกคำสั่งทางปกครอง ให้ระงับการนำสัญญาณของโจทก์ไปถ่ายทอดผ่านระบบดาวเทียมและเคเบิลทีวี กล่าวคือ ในการประชุมนั้น ต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดและระเบียบ ซึ่งประธาน หมายถึงประธานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ การประชุมก็คือการประชุม 2 รูปแบบ คือ โดยเปิดเผย กับแบบจำกัดผู้เข้าฟัง โดยประธาน กสท. มีอำนาจกำหนดว่าการประชุมแต่ละครั้งจะเป็นรูปแบบใด ซึ่งต้องนัดประชุมล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 7 วัน การเสนอเรื่อง เจ้าของเรื่องต้องทำหนังสือเป็นลายลักษณะอักษร เป็นต้น

แต่จำเลยร่วมกันจัดประชุมโดยประธาน กสท. ไม่ได้ออกคำสั่ง ไม่มีการนัดหมายล่วงหน้า กับเร่งรัดให้ประชุมนัดพิเศษเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ เพื่อต้องการหลักเกณฑ์ทางปกครอง ไปยังผู้บริหารเครือข่าย ทรู แกรมมี่ เพื่อไม่ให้นำสัญญาณโทรทัศน์ของโจทก์ ออกเผยแพร่ผ่านระบบดาวเทียม และเคเบิล โดยไม่ได้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ ทั้งที่รู้ว่าการประชุมฝ่าฝืนระเบียบ และได้แอบอ้างชื่อ พ.อ.นที ศุกลรัตน์ ประธาน กสท. ต่อสื่อมวลชนว่า กสท. จัดประชุมนัดพิเศษ เพื่อพิจารณากรณีปัญหาการระงับการออกอากาศของสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ในระบบสัญญาณอนาล็อก ทั้งๆที่ความจริง ยังไม่มีการเสนอวาระดังกล่าว

จากนั้นโจทก์ได้ระบุเอกสารข้อความในทวิตเตอร์ของ พ.อ.นที รวม 18 รายการ เพื่อสนับสนุนข้อตามฟ้อง อีกทั้งฟ้องต่อไปว่า ข้อความที่โจทก์อ้างในฟ้องรวม 18 ข้อข้างต้น เป็นการปฏิบัติหน้าที่ไม่เป็นกลางของจำเลยที่ 1 ทั้งส่งผลกระทบในวงกว้าง มีการนำประเด็นไปเผยแพร่ในสื่อต่างๆ มากมาย โดยเฉพาะจำเลยที่ 1 ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง มีข้อความใความโจทก์ด้วยความเท็จ ทำให้โจทก์เสื่อมเสียดูหมิ่นเกลียดชังจากบุคคลทั่วไป

นอกจากนี้ โจทก์เห็นว่า จำเลยไม่มีความเป็นกลาง มีเจตนาทุจริตให้ประชาชนเกลียดชังโจทก์ มีลักษณะการกระทำเป็นฝ่ายตรงข้ามโจทก์อย่างชัดเจน รวมทั้งข่มขู่โจทก์เกี่ยวกับการออกอากาศคู่ขนาน ซ้ำจำเลยยังหมิ่นประมาทโจทก์อีก ทั้งในทีวีดิจิตอล และสถานีโทรทัศน์อื่นๆ กล่าวทำนองว่าโจทก์มีอภิสิทธิ์ อำนาจนิยมอุปถัมป์ เป็นต้น ทั้งนี้ การเผยแพร่ความความหมิ่นประมาทดังกล่าวได้ถ่ายทอดไปตามระบบอินเทอร์เน็ต จึงเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์มีด้วย จึงขอให้ศาลลงโทษจำเลยตามกฎหมาย ศาลรับคำฟ้องไว้เพื่อมีคำสั่งนัดไต่สวนมูลฟ้องต่อไป

Advertisment

Leave a comment