Tweet

เรื่องราวช่อง 3 สำหรับคนที่ยังงงกับเรื่องช่อง 3 จอดำ Must Carry

ถ้าเรื่องราวปัญหาช่อง 3 ทำให้คุณงงยังกับไปนั่งเรียนวิชาแคลคูลัสแล้วละก็ไม่ต้องตกใจ แทบทุกคนทั่วประเทศที่ไม่ได้ติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิดก็จะงงเช่นเดียวกับคุณ หลายคำถามที่เกิดขึ้นอย่าง ทำไมช่อง 3 จอดับ ทำไมช่อง 3 ต้องจอดำ แล้ว กสทช. ไปสั่งอะไรทำไมถึงไม่อนุญาตให้ช่อง 3 ออกอากาศผ่านดาวเทียม เรื่องนี้ถ้าจะอธิบายที่มาที่ไปก็คงจะยาวเหยียด ดีไม่ดีเล่าไปก็จะมีคำถามเพิ่มมาอีกมากมายก่ายกองจุดสุดท้ายก็งงอยู่ดี เอาเป็นว่าเราลองมาทำความเข้าใจเรื่องช่อง 3 หายไปจากดาวเทียมกันในอีกรูปแบบหนึ่งนะครับ

เพราะจะว่าไปแล้วเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นกับช่อง 3 อนาล็อกนั้นเป็นเรื่องเทคนิคทางกฏหมาย เรื่องผลประโยชน์ทางการค้า และความต้องการของมนุษย์ที่อยากครอบครองอะไรหลายๆอย่างไปพร้อมๆกัน เรื่องเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องราวที่ว่าพอมีใครพูดถึงเรื่องช่อง 3 แล้วจะมีคนก่นด่าช่อง 3 ยับว่าไม่ยอมทำตามกติกา แล้วสวด กสทช. ว่าเอากฏเกณฑ์อะไรมาห้ามไม่ให้ช่อง 3 ออกอากาศ ซะทีเดียว

เอาเป็นว่าเราลองพยายามหลีกเลี่ยงประเด็นทางด้านเทคนิคแล้วกัน ไม่ใช่เพราะว่าเราอยากจะเขียนให้เด็กอ่าน แต่เกรงว่าเขียนไปเขียนมาจะงงไปด้วยอีกคน เราลองมามองในอีกแง่มุมนึงที่บางคนเคยได้พยายามอธิบายเอาไว้ลองเปรียบเทียบดูนะครับ

มีตลาดใหญ่มากอยู่ตลาดนึง มีร้านรวงเต็มไปหมด บางร้านขายของกว่าเจ้าอื่นบางร้านก็แทบจะไม่มีคนเข้า หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ก็จะพยายามมาจัดระเบียบร้านใหม่ โดยจะให้มีทั้งร้านเก่าเดิมและมีร้านขายของใหม่เพิ่มเข้ามา โดยร้านรวงทั้งหมดถูกสั่งย้ายให้ไปขายกัน ณ สถานที่แห่งใหม่ ซึ่งอาจจะไกลกว่าสถานที่ๆบรรดานักช้อปเคยเดินผ่าน ที่นั่นร้านรวงต่างๆจะอยู่กันอย่างเป็นระเบียบ ทุกคนจะแข่งขันกันอย่างเป็นธรรมมากขึ้น

ช่อง 3 ถือเป็นร้านใหญ่ร้านหนึ่งในตลาดที่ชุลมุนวุ่นวายตลาดเก่า แต่กลับกลายเป็นว่าปฏิเสธที่จะย้ายไปที่ใหม่ ก็ที่นี่เขาขายของดีอยู่แล้วและยังได้รับอนุญาตให้ขายของได้มากกว่าที่ใหม่ที่จะต้องไป ช่อง 3 เลยคิดว่าทำไมต้องย้ายไปด้วย พร้อมบอกว่าสัญญาเช่าที่เก่ายังไม่หมด ยังขายต่อที่นี่ได้อีกหลายปี ยิ่งไปกว่านั้นทางร้านก็ได้ไปเปิดสาขาใหม่เพิ่มมาอีกหลายสาขาซึ่งอยู่ในตลาดใหม่อยู่แล้ว ร้านใหญ่เลยยืนกรานไม่ยอมย้าย ทำให้บรรดาคู่แข่งและร้านเล็กๆในตลาดต่างก็โอดครวญไปตามๆ กัน ด้านคนดูแลตลาดก็ดูเหมือนจะไร้หนทางแก้ ไร้น้ำยา ดูท่าจะเป็นแค่เสือกระดาษแผ่นนึง

สิ่งที่ทำให้เรื่องราวซับซ้อนขึ้น ร้านใหญ่ในตลาดเก่ารายนี้ กลับมีสาขาในตลาดใหม่ถึง 3 สาขา เท่าที่กฏหมายกำหนดให้มีได้สูงสุด แม้ในทางกฏหมายแล้วร้านใหญ่นี้จะไม่ได้เป็นเจ้าของสาขาเหล่านั้นโดยตรงก็ตาม ร้านที่เปิดใหม่ในตลาดใหม่ก็ขายของเล็กๆน้อยๆไป เอาของเก่าๆมาขาย มีของใหม่บ้างเล็กน้อยแต่ไม่เต็มร้าน แต่ร้านใหญ่ยังยึดแน่นอยู่ที่เก่า นั่นก็เพราะบรรดาลูกค้าที่อยู่กันในตลาดใหม่นั้นสามารถซื้อของร้านใหญ่ในตลาดเก่าได้ ผ่านทางระบบออนไลน์ บางคนอาจจะมองว่าเป็นวิธีที่ฉลาดในการได้ลูกค้าสองทาง แต่บางกลุ่มก็บอกว่าเป็นการเอาเปรียบไปหรือเปล่า

เรื่องข้างบนก็เลยถือว่าเป็นการเปรียบเทียบสถานการณ์ปัจจุบันของช่อง 3 อนาลอกที่ปฏิเสธการเลิกการทำธุรกิจและย้ายไปบนระบบดิจิตอลอย่างเต็มรูปแบบ ในเชิงเทคนิคแล้วคุณอาจจะได้ยินข่าวเกี่ยวกับสัมปทานจาก อสมท. การตั้งบริษัทใหม่มาประมูลช่องทีวีดิจิตอล การฟ้องศาลปกครอง ความแตกต่างระหว่าง Pay-TV ทีวีดาวเทียม ฟรีทีวี และศัพท์ที่ใกล้เคียงกัน เอาเป็นว่าทุกอย่างที่กล่าวมาก็หลวมรวมเพื่อความอยู่รอดของธุรกิจ ตลาดทีวีดิจิตอลก็คือตลาดใหม่ แต่ลูกค้าส่วนใหญ่ยังไม่สามารถเข้าถึงได้ ช่อง 3 ตอนนี้ก็ดูดเม็ดเงินโฆษณาเข้ามามหาศาล และยังจะทำให้คนไทยยังติดอยู่กับระบบอนาลอกก็ด้วยเพราะเหตุนี้

อย่าลืมว่าคลื่นความถี่เป็นสมบัติของชาติ

ช่อง 3 เองก็กำลังเรียกร้องความเห็นใจจากประชาชนคนดู แต่ก็ไม่ถึงกับได้รับความสนใจมากนัก เพราะจะว่าไปแล้วสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือการทำให้ตลาดของทีวีเลิกการผูกขาดอีกต่อไป นั่นหมายถึงว่าต้องมีคนเสียผลประโยชน์แน่นอน โดยช่อง 3 ไม่ได้แค่ถูกตราหน้าว่าเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนเท่านั้น แต่กำลังถูกมองว่ากำลังทำเรื่องราวผิดเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญอีกด้วย การกระจายเสียงและคลื่นความถี่นั้นรัฐธรรมนูญถือว่าเป็นสมบัติของชาติ นั่นหมายถึงว่าไม่มีใครเป็นเจ้าของ แม้แต่รัฐบาลเองก็ตาม

กสทช. เองก็โดนว่ากล่าวอยู่ไม่น้อย และก็สมควรแล้วที่จะโดน เพราะ กสทช. ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อบังคับใช้กฏหมายตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ แต่การจัดการกับช่อง 3 นั้นถือว่ายังห่างไกลกับสิ่งที่ควรจะกระทำมาก ทั้งสองหน่วยงานคือ กสทช. และ ช่อง 3 ได้ถูกกล่าวหาว่าเป็นตัวพิสูจน์ให้เห็นว่าการให้คนไทยเป็นเจ้าของคลื่นความถี่ในการกระจายเสียงและระบบโทรคมนาคมนั้นเป็นเรื่องไม่เหมาะสม

ในโลกของสื่อสังคมออนไลน์ต่างก็ได้มีการแชร์ข้อมูลเงินเดือนของเหล่าบรรดา กรรมการ กสทช. และพร้อมกันกับข้อมูลว่าช่อง 3 ได้ค่าโฆษณานาทีละเท่าไหร่ ตัวเลขเหล่านั้นทำให้หลายคนถึงกับตกใจ แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น หากคลื่นความถี่เป็นของประชาชนโดยแท้จริงแล้วประชาชนสมควรได้รับเนื้อหาที่ดี คำถามก็คือ ตอนนี้สิี่งที่ช่อง 3 กำลังทำอยู่นั้นเป็นการถ่ายทอดเนื้อหาที่ดีกับประชาชนอยู่หรือเปล่า หรือว่ากลับกลายไปในทางตรงกันข้าม

เมื่อไม่กี่วันก่อน ผู้ดำเนินรายการช่อง 3 บางคนพยายามจะเตือนความจำคนดูว่าทางสถานีได้ทำอะไรให้กับอุตสาหกรรมทีวีบ้าง แต่สิ่งที่ไม่ได้พูดถึงก็คือสิ่งที่ทำเหล่านั้นเกิดขึ้นในยุคของการผูกขาด เนื้อหารายการของช่อง 3 นั่นค่อนข้างดี แต่มันก็ดีในภาวะแวดล้อมที่ซึ่งไม่มีคู่แข่งที่สูสี ประชาชนคนดูที่ซึ่งควรจะเป็นเจ้าของคลื่นความถี่ อย่างน้อยก็ต้องสมควรได้รับเนื้อหาที่อยู่ในภาวะการแข่งขัน เพราะมันจะทำให้เนื้อหาได้รับการพัฒนาที่ดีขึ้น

กสทช. ต้องทำหน้าที่เพื่อชาติ ไม่ใช่เพื่อนายทุน

ตอนนี้ กสทช. อาจจะพูดได้ว่าทุกการเปลี่ยนผ่านย่อมมีอุปสรรค เพราะจะต้องมีการเข้าไปจัดการปัญหาที่เกี่ยวข้องกับคนหมู่มาก และอิทธิพลทางการเมืองจะยิ่งทำให้เรื่องราวลำบากขึ้นไปอีก ทาง กสทช. อาจจะบอกว่าการที่ช่อง 3 ฟ้องร้องแสดงถึงว่าตัวเองกำลังทำงานอยู่

แต่ปัญหาทุกอย่างก็อธิบายได้ถึงว่าทำไมเงินเดือนสูง กรรมการ กสทช. ทุกคนอย่าลืมว่าไม่ว่างานของเขาจะยากลำบากแค่ไหน ถ้าเขาทำสิ่งที่ถูกต้องประชาชนก็จะอยู่ข้างเขา มันไม่สำคัญเลยว่าบริษัทเหล่านั้นจะใหญ่แค่ไหน ถ้า กสทช. ให้ความสำคัญกับสิ่งที่ประชาชนต้องการ และความถูกต้องที่ควรจะเป็น และดำเนินการตามที่ควรจะทำ ทาง กสทช. ก็จะได้รับการสนับสนุนจากประชาชน

สิ่งที่ต้องตัดสินใจในตอนนี้ก็คือว่า การวิทยุโทรทัศน์นั้นถือเป็นธุรกิจทั่วไป หรือเป็นเรื่องของสมบัติชาติ เพราะแต่ละอย่างก็ต้องการวิธีการในการจัดการแตกต่างกัน หากเป็นธุรกิจทั่วไปสิ่งที่สำคัญที่สุด 3 ประการคือ location , location และ location เรื่องราวเกี่ยวกับช่อง 3 เกิดขึ้นเพราะเส้นแบ่งระหว่างการดำเนินธุรกิจปกติ กับ สมบัติชาตินั้นยังไม่ชัดเจน

ท้ายที่สุดแล้วธุรกิจต้องการตำแหน่ง (location) ที่ดี ส่วนมนุษย์เราต้องการอากาศในการหายใจ แต่หากเราย้อนมองดูประวัติศาสตร์แล้วละก็ ผู้คนต่างต้องล้มตายเพื่อแย่งชิงทรัพย์สินที่มีค่าน้อยกว่าอากาศด้วยซ้ำ

เรียบเรียงจาก nationmultimedia.com