PPTV หวังขึ้นแท่นสถานีทีวีดิจิตอลเบอร์ 2
PPTV หวังขึ้นแท่นสถานีทีวีดิจิตอลเบอร์ 2
ตั้งเป้าเป็นสถานีพรีเมี่ยมแมส คาดปีที่ 5 ถึงจะเริ่มเห็นกำไร
นายเขมทัตต์ พลเดช กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัทบางกอกมีเดีย แอนด์บรอดคาสติ้งจำกัด หรือ BMB ซึ่งเป็นผู้บริหารช่องทีวีดิจิตอลความคมชัดสูง (HD) ช่องวาไรตี้ หมายเลขช่อง 36 หรือในอีกชื่อหนึ่งว่า PPTH HD ประกาศตัวพร้อมเป็นหนึ่งในสองของผู้นำตลาดโทรทัศน์ดิจิตอลภายในเวลาสามปี พร้อมวางตำแหน่งด้านการตลาดให้เป็นสถานีพรีเมี่ยมแมส คาดชิงส่วนแบ่งตลาดของผู้ชมรายการทีวีในสัดส่วน 20% และส่วนแบ่งในแง่ของตลาดโฆษฯา 20% ด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ทางบริษัทได้ตั้งเป้ารายในปีแรกหรือปี 2557 นี้อยู่ที่ 500 ถึง 800 ล้านบาท ส่วนปีที่สองคาดว่าจะทำรายได้ 1 พันล้านบาท และปีที่ 3 จะมีรายได้เพิ่มเป็น 1.2 พันล้านบาท และคาดว่าจะถึงจุดคุ้มทุนในปีที่ 5 และคาดหมายว่าจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ภายในสามถึงห้าปี
ในแง่ของการลงทุนนั้น PPTV ทุ่มงบลุงทุนผลิตเนื้อหาสำหรับปีนี้ 2 พันล้านบาทและคาดว่าจะยังลงทุนอย่างต่อเนื่องไปอีก 1.5 ถึง 2 ล้านบ้านไปอีกสองปี โดยทางช่อง PPTV จะผลิตรายการเอง 50% และส่วนที่เหลือจะจัดซื้อรายการจากต่างประเทศ โดยเฉพาะซีรีส์เกาหลีที่จะนำมาฉายในช่วงเวลา prime time จำนวนสามเรื่องตลอดทั้งสัปดาห์
นายเขมทัตต์กล่าวว่า ทางบริษัทจะใช้เครือข่ายในกลุ่มของโรงพยาบาลกรุงเทพ ทั้งในกทมและต่างจังหวัด รวมทั้งขยายไปยังสนามบินและบนเครื่องบินสายการบินบางกอกแอร์เวย์ โดยเป็นการเพิ่มช่องทางในการนำเสนอเนื้อหารายการเพื่อเพิ่มจำนวนผู้ชม โดยคาดว่าจะทำให้บริษัทสามารถขายโฆษณาเป็นแพคเกจที่สื่อออกได้หลายช่องทาง โดยราคาที่กำหนดไว้คือนาทีละ 250,000 บาทในช่วงไพร์มไทม์ และช่วงเวลาอื่น 120,000 บาท ซึ่งเป็นราคาที่ลดลงครึ่งหนึ่งของอัตราช่องฟรีทีวีในปัจจุบัน
ทั้งนี้ทางช่อง PPTV HD จะเริ่มทำการทดลองออกอากาศในวันที่ 7 เมษายนนี้ ในตอนเช้าตรู่ โดยเป็นการออกอากาศเต็มรูปแบบตลอด 24 ชั่วโมง โดยผังรายการในช่วงนี้จะมีรายการประเภทข่าวสาร และรายการเช่าเวลารวม 30% และรายการบันเทิง 70%
โดยผังรายการในช่วงแรกที่ออกอากาศระหว่างเดือนเมษายน ถึง มิถุนายนนี้นั้น จะผสมระหว่างรายการต่างประเทศระดับพรีเมี่ยมจากประเทศเกาหลี ญี่ปุ่น และรายการจากพันธมิตรอย่าง ทีวีบูรพา ทีวีธันเดอร์ เจเอสแอล วูดดี้ เวิร์ล และทีมข่าวจากหลายหลายทีม โดยมีสตูดิโอสองแห่งคือ ย่านอโศกและย่านถนนวิภาวดี
ในแง่ของการแข่งขันของทีวีดิจิตอลนั้น นายเขมทัตต์กล่าวว่านะจะมีการแข่งขันสูง และคาดจะลดเหลือเพียง 5 ถึง 7 กลุ่มภายใน 5 ปี โดยเห็นว่าช่องที่ไม่น่าจะได้รับความสนใจน่าจะเป็นช่องข่าว และรายการเด็ก ในขณะเดียวกันจะมีผู้ผลิตรายการขนาดกลางและขนาดเล็กเพิ่มขึ้น 20 – 30% โดยมองว่าตลาดรวมของธุรกิจวิทยุโทรทัศน์จะอยู่ที่ประมาณแสนล้านบาท โดยเป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับทีวีสูงถึงร้อยและ 70 และที่เหลือเป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องเช่น การขายกล่องรับสัญญาณ และแอพพลิเคชั่น
ทั้งนี้ช่อง PPTV HD มีทุนจะทะเบียน 100 ล้านบาท และออกอากาศผ่านทางดาวเทียมมาแล้วกว่า 1 ปี ก่อนเข้าร่วมประมูลทีวีดิจิตอลประเภทธุรกิจ โดยชนะด้วยราคาประมูล 3,460 ล้านบาท
Leave a comment
You must be logged in to post a comment.