ล่าสุด

สุภิญญา พลิกตำราขู่ฟ้องกลับ

supinya-klangnarong

สุภิญญา พลิกตำราขู่ฟ้องกลับ

หลังจากทีมกฏหมายของช่อง 3 ได้มายื่นหนังสือแจ้งถึงการฟ้องร้อง กรรมการ กสท. สามท่านเมื่อช่วงเช้าตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น ด้านคุณสุภิญญาได้ออกมาให้ความเห็นผ่านทวิตเตอร์ ทั้งกรณีการมีมติมาตรการทางปกครองและการฟ้องร้องจากช่อง 3 ใจความว่า

วันนี้มติ กสท. 3 ต่อ 2 ให้ สนง.มีมาตรการทางปกครองโดยส่งจดหมายให้โครงข่ายทีวีดาวเทียมและเคเบิลระงับช่องที่ไม่ได้รับอนุญาตตามกฏหมายภายใน 15 วัน ปรกติตนเองจะเป็นเสียงข้างน้อยหลายเรื่องใน กสทช. แต่วันนี้เป็นเสียงข้างมาก 3 ใน5 กสท.ที่มีมติให้ สนง.ปฏิบัติตามกฏหมายกรณีช่อง 3 แอนาล็อก

มติวันนี้ไม่เอกฉันท์ แต่ถึงเวลาต้องตัดสินใจสักที เพราะถกเถียงยืดเยื้อกันมาพอสมควรแล้ว ที่สำคัญมติ กสท.เคยขยายเวลาให้แล้ว 100 วัน เหตุผลหนึ่งที่การแก้ปัญหาเรื่องนี้ล่าช้า เพราะบอร์ด กสท.เห็นไม่ตรงกัน พยายามเชื่อมจุดเหมือนสงวนจุดต่างกันแล้ว แต่ไม่สำเร็จ จึงต้องโหวต

เราใช้เวลาในการแก้ปัญหาเรื่องนี้เกิน 100 วัน เปิดโอกาสให้ทางช่อง 3 ยื่นเสนอทางออกเข้ามา แต่ไม่มีเลย เชิญวันอังคารที่ผ่านมาก็ส่งแต่ทนายมาฟัง วันนี้ กสท.3 ท่านเห็นว่าถ้าปล่อยให้ยืดเยื้อต่อไป จะส่งผลกระทบต่อภาพรวมการแข่งขันในกิจการโทรทัศน์ และขัดต่อกติกาจนเป็นการจงใจละเว้นหน้าที่

บอร์ด กสท.เตรียมทางออกให้ ช่อง 3 แอนาล็อก เพื่อการเยียวยาประชาชนดังนี้

1.ขอใบอนุญาตทีวีดาวเทียมและเคเบิล
2.ขอออกคู่ขนานช่องดิจิตอลที่ประมูลมา

วันนี้บอร์ด กสท. มีมติให้ทางผู้รับใบอนุญาตโครงข่ายทีวีดาวเทียม/เคเบิล ต้องทำตัววิ่งชี้แจงประชาชนด้วยถึงเหตุผลที่ต้องระงับตามกฏหมาย 15 วัน เริ่มจากวันที่ผู้ประกอบการได้รับคำสั่งหรือจดหมายจาก สนง.กสทช. จากนี้ฝากท่านเลขาธิการ สำนักงาน กสทช. แถลงว่าจะเซ็นจดหมายออกไปวันไหนค่ะ

เพื่อให้เกิดความชัดเจน สนง.ควรประสานหรือเชิญตัวแทนโครงข่ายทีวีดาวเทียม/เคเบิลมาชี้แจงรายละเอียดเช่นการขึ้นตัววิ่ง ย้ำว่า ทางช่อง 3 แอนาล็อกยังมีสิทธิ์ขอออนแอร์ผ่านดาวเทียม/เคเบิลได้ แต่ต้องมาขอใบอนุญาตให้ถูกต้องแล้วทำตามเงื่อนไขของทีวีผ่านดาวเทียม

อย่างไรก็ตาม เสนอแนะว่า ช่อง 3 ควรเลือกนำช่องออริจินอลในระบบแอนาล็อกมาออกในช่องดิจิตอล HD ที่ประมูลมาได้ เพื่อประโยชน์ผู้บริโภค ดูได้ทุกช่องทาง มาถึงวันนี้ คำตอบสุดท้ายอยู่ที่ผู้บริหารช่อง 3 แอนาล็อกแล้วว่า จะเลือกเดินทางไหน ที่เป็นประโยชน์สูงสุดต่อคนดูผู้บริโภคและประเทศชาติโดยรวม

วันนี้ กสท.ทำหน้าที่ของเราตามกฏหมายแล้ว ผู้ประกอบการมีสิทธิ์ตัดสินใจว่าจะต่อสู้คดีทางปกครองหรือเลือกทางที่ดีที่สุดสำหรับประเทศชาติและประชาชน การฟ้องดิฉันและ กสท.2 ท่านในคดีอาญา เรายินดีสู้ในชั้นศาล แต่การฟ้องของช่อง 3 เช้านี้เข้าข่ายขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ กำลังปรึกษาทนายค่ะ

ช่อง 3 ส่งทนายมายื่นโนติสแต่เช้า ก่อนประชุมบอร์ด มีกรรมการบางท่านหยิบเรื่องนี้มาพูดในที่ประชุมด้วย ทำนองว่าจะทำให้เราลงมติไม่ได้ ส่วนการจะฟ้องช่อง 3 กลับ ข้อหาว่าฟ้องเท็จหรือไม่นั้น ขอให้ที่ปรึกษาด้านกฏหมายอ่านคำฟ้องก่อนค่ะ จากนั้น กสท.จะมีมติให้ สนง.ดำเนินการต่อไป

ดิฉันเคยถูกฟ้องหมิ่นประมาททั้งคดีอาญาและคดีแพ่ง 400 ล้านมาแล้ว โดยบริษัทชินคอร์ปอเรชั่น ใช้เวลาสู้คดี 3 ปี ในที่สุดศาลยกฟ้อง ครั้งนั้นดิฉันเป็นเอ็นจีโอ ใช้ สิทธิเสรีภาพ ในการแสดงออก แต่วันนี้ดิฉันแสดงออกทั้งในและนอกห้องประชุมด้วย หน้าที่ ของการเป็น กสทช.

ดิฉันอาศัยอำนาจตาม พรบ.กสทช. มาตรา 27 ข้อ11 และข้ออื่นๆ ในการทำงานเรื่องนี้ โดยเฉพาะกรณีช่อง 3 กับผลกระทบต่อการแข่งขันในกิจการโทรทัศน์ ดิฉันเป็น กสทช. คนรุ่นใหม่ที่เชื่อมั่นว่า ความโปร่งใสคือหัวใจธรรมาภิบาลในองค์กรของรัฐ การสื่อสารกับสังคมอย่างต่อเนื่องเป็นหนึ่งในหน้าที่

ดิฉันปฏิบัติหน้าที่ทั้งในห้องประชุมและต่อสาธารณะอย่างเปิดเผย ตรงไปตรงมา บนฐานข้อเท็จจริงและ ความคิดเห็นส่วนตัว ไม่มีความขัดแย้งใดกับช่อง 3 เป็นการส่วนตัว ช่อง 3 ใช้สื่อฝ่ายเดียวในการตอบโต้กับ กสทช. เราไม่เคยว่าเพราะเป็นเสรีภาพท่าน แม้ว่าอาจจะขัดจรรยาบรรณ แต่เมื่อท่านมาฟ้องเรา เราก็ต้องสู้กัน

คุณสุภิญญาสรุปส่งท้าย

Advertisment

Leave a comment