Tweet

ทีวีดิจิตอลร้อง กสท. ขอลดหย่อนค่าธรรมเนียมเท่าอนาล็อก

สมาพันธ์ผู้ประกอบการทีวีดิจิตอลเรียกร้องให้ กสท. ทบทวนมติลดหย่อนค่าธรรมเนียม โดยควรให้เท่ากับผู้ประกอบการทีวีอนาล็อก เหตุการขยายโครงข่ายล่าช้า และการแจกคูปองแลกซื้อกล่องทีวีดิจิตอลที่ล่าช้ากว่ากำหนดมาหลายเดือน ทำให้รายได้ไม่เป็นไปตามเป้า ด้าน กสท. รับจะนำเข้าพิจารณาแต่ต้องอยู่ในกรอบของกฏหมาย

เมื่อวันที่ 3 ตุลาคมที่ผ่านมา นางจำนรรค์ ศิริตัน นายกสมาพันธ์สมาคมวิชาชีพวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์กล่าวว่า การประชุมของสมาพันธ์ในครั้งนี้ได้เชิญตัวแทนจาก กสท. คือ พันเอก นที ศุกลรัตน์ และ น.ส.สุภิญญา กลางณรงค์ พร้อมทั้งนายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช. เข้ามาร่วมรับฟังความคิดเห็นจากผู้ประกอบการทีวีดิจิตอลซึ่งเป็นสมาชิกของสมาพันธ์ จำนวน 20 ราย พร้อมรับฟังคำชี้แจงจากทาง กสท. ในหลายๆเรื่อง อันจะเป็นประโยชน์สำหรับการเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบบทีวีดิจิตอล

สิ่งที่ทางผู้ประกอบการทีวีดิจิตอลต้องการเรื่องหนึ่งก็คือการให้ทาง กสท. กลับไปพิจารณาลดหย่อนค่าธรรมเนียมในช่วงเปลี่ยนผ่าน เดิม กสท. มีมติลดหย่อนค่าธรรมเนียมรวมจาก 4% เป็น 2% เป็นระยะเวลา 5 ปีเท่านั้น โดยทางสมาพันธ์กต้องการให้ลดหย่อนค่าธรรมเนียมใบอนุญาตฯ ให้เท่าเทียมกับการลดหย่อนให้กับผู้ประกอบการทีวีอนาล็อกมาออกคู่ขนานที่ไม่มีการเรียกเก็บเลย ซึ่งทาง กสท. ก็รับปากว่าจะนำเข้าไปพิจารณาว่าจะสามารถกระทำได้ภายในกรอบของกฏหมายหรือไม่

เหตุผลก็คือที่ผ่านมาการขยายโครงข่ายทีวีดิจิตอลยังไม่ครอบคลุม รวมถึงการแจกคูปองที่มีความล่าช้ากว่ากำหนดเดิมมาหลายเดือน ทำให้รายได้ของผู้ประกอบการไม่เป็นไปตามเป้า ผู้ประกอบการทีวีดิจิตอลจึงต้องการให้มีการลดหย่อนค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม

นอกจากนี้ทางผู้ประกอบการต้องการส่งตัวแทนเข้าไปอยู่ในคณะกรรมการตรวจสอบเรื่องโครงข่ายทีวีดิจิตอลเพื่อรับทราบความเคลื่อนไหวในการขยายโครงข่าย รวมถึงต้องการให้ กสท. กำหนดคุณสมบัติของบริษัทจัดทำเรตติ้งที่ควรจะสามารถวัดผลได้บนทุกแพลตฟอร์ม

ด้านประธาน กสท. กล่าวว่าในประเด็นมติให้เลื่อนการนำส่งเงินค่าธรรมเนียมใบอนุญาตหรือเงินประมูลงวดที่สองออกไปอีก 1 ปีนั้น ระหว่างนี้ยังอยู่ในกระบวนการทำหนังสือหารือกับกระทรวงการคลังว่าทำได้หรือไม่ โดยคาดว่าสัปดาห์หน้าจะส่งหนังสืออกไป ส่วนเรื่องการเรียงช่องจะมีการนำเสนอที่ประชุม กสทช. ในเดือนพฤศจิกายนนี้

ส่วนประเด็นการลดหย่อนค่าธรรมเนียมนั้น น.ส. สุภิญญา กล่าวเสริมว่า ต้องนำเรื่องดังกล่าวให้อนุกรรมการด้านกฏหมายดูก่อนว่าจะทำได้หรือไม่ เนื่องจากยังเป็นเพียงมติที่ประชุม ยังไม่ได้มีการออกเป็นร่างประกาศ ดังนั้นหากสามารถดำเนินการได้ก็จะนำประเด็นนี้ไปเพิ่มเติมในร่างประกาศภายหลังได้

ที่มา manager.co.th